การถ่ายภาพทิวทัศน์
นักถ่ายภาพสมัครเล่นนิยมถ่ายภาพประเภทนี้มาก
เพราะสามารถถ่ายได้ง่าย สะดวก ถ่ายได้ทุกหนทุกแห่งที่มีโอกาสผ่านไป
ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ป่าเขาลำเนาไพร น้ำตก หรือท้องทะเลก็ตาม
อย่างน้อยผู้ถ่ายภาพก็สามารถเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกถึงความหลักการถ่ายภาพทิวทัศน์
ควรถ่ายขณะที่ท้องฟ้าแจ่มใส จะได้ภาพสวยงาม ชัดเจน ถ้าอากาศมืดครึ้มหรือฝนตก
ภาพที่ได้จะมีสีทึบ ขาดรายละเอียด การบันทึกความสวยงามของลักษณะภูมิประเทศตามธรรมชาติดังกล่าว
จะมีคุณค่าและความ สวยงามนั้น
ควรต้องพิจารณาถึงองค์ประกอบที่ช่วยสร้างเรื่องราวให้เกิดขึ้นพยายามเลือกมุมกล้องที่แปลกตา
คอยจังหวะให้มีลักษณะแสงสีที่สวยงาม
สามารถสร้างบรรยากาศให้ผู้ดูเกิดอารมณ์คล้อยตาม เช่น ภาพที่มีหมอกในฤดูหนาว ควัน
ฝนตก หรือพายุ ฯลฯ บรรยากาศ แสงสีในเวลาเช้ามืดก่อนจะสว่าง หรือในตอนเย็น
พระอาทิตย์กำลังจะตกจะมีแสงสีที่ให้ความรุนแรงมีสีน้ำเงิน ม่วง เหลือง
แสดและแดงสลับกับก้อนเมฆรูปร่างต่าง ๆ ดูสวยงาม การถ่ายภาพทิวทัศน์นิยมเปิด
ช่องรับแสงให้แคบเพื่อช่วยให้ภาพมีความคมและชัดลึกตลอด
แม้บางครั้งจะต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ สำหรับเลนส์ที่ใช้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์
นอกจากเลนส์ ธรรมดาติดกล้องแล้ว
ควรมีเลนส์มุมกว้างและเลนส์ถ่ายภาพไกลที่มีขนาดความยาวโฟกัสประมาณ 105 มม. หรือ 250
มม.
เพื่อช่วยให้ได้ภาพที่มีมุมแปลกตา ดีขึ้น ถ้าเป็นการถ่ายภาพขาว – ดำ
ควรมีแผ่นกรองแสงสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดงติดไปด้วย
เพราะฟิลเตอร์สีดังกล่าวจะช่วยให้ภาพขาว – ดำ มองเห็นก้อนเมฆขาว ตัดกับท้องฟ้า
ส่วนการถ่ายภาพสีก็ควรมีแผ่นกรองแสงตัดหมอกหรือแผ่นกรองแสงโพลาไรซ์เป็นอย่างน้อย
นอกจากนั้นอาจใช้แผ่นกรองแสงสำหรับเปลี่ยนแปลง
สีของภาพเพื่อให้ได้ภาพทิวทัศน์ที่มีสีสันสวยงามแปลกตายิ่งขึ้น
การถ่ายภาพบุคคล
การถ่ายภาพที่เน้นบุคคล
นิยมตั้งรูรับแสงให้กว้างหรือก็คือการตั้ง f ต่ำๆ
เพื่อให้ฉากหลังเบลอ ที่เรียกกันว่า ฉากหลังละลาย
การตั้งรูรับแสงให้กว้างสุดได้เท่าใดขึ้นกับคุณภาพของเลนส์เป็นสำคัญ
เลนส์ที่มีราคาสูงมักมี f ที่ต่ำกว่านั่นหมายถึงสามารถถ่ายฉากหลังให้ละลายได้มากกว่า
เลนส์ที่นิยมได้แก่เลนส์ f 2.8 อีกประการนึงการที่รูรับแสงกว้างจะทำให้ความเร็วชัตเตอร์เร็วขึ้นโดยอัตโนมัติ
ถ้าตั้งโหมด AUTO หรือโหมด A ในกล้องทั่วไป การที่ความเร็วชัตเตอร์เพิ่มขึ้นทำให้ภาพไม่สั่น
เมื่อขยายดูใกล้ๆจะเห็นความคมชัดของภาพ
สูงกว่าภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ที่มีราคาต่ำกว่า การถ่ายภาพบุคคล สามารถแบ่งได้เป็น
-การถ่ายรูปเหตุการณ์ เป็นการถ่ายรูปโดยที่ได้มีการจัดรูปแบบก่อน
-การถ่ายรูปจัดรูปแบบ
การถ่ายภาพแสงน้อย
ควรใช้แฟลชตามความเหมาะสม เช่น ใช้แฟลชน้อยๆ เบาๆ
สำหรับแสงไม่พอเพียงเล็กน้อยหรือต้องการให้เห็นความชัดลึกด้วย
หรือไม่ก็กระแทกแฟลชเข้าไปแรงๆ ตรงๆเลย ถ้าต้องการถ่ายแค่จุดใกล้ๆ ไม่เกิน 5
เมตรให้ชัดเพียงแค่จุดนั้น
แต่สิ่งที่อยู่ด้านหลัง จะไม่สามารถมองเห็นเลย
ในกรณีที่ใช้แฟลชไม่ได้ สามารถกระทำได้ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือเคลื่อนไหว
กับ อยู่นิ่ง
หากภาพกำลังเคลื่อนไหวนั้น ให้เพิ่มค่า ISO (ยิ่งสูงมาก
ยิ่งสว่างแต่ต้องแลกกับความคมชัด จะน้อยลงมา
)ตามด้วยเปิดรูรับแสงให้กว้างที่สุดของเลนส์นั้นๆ (F น้อยๆ)
แล้วใช้สปีดชัดเตอร์ให้น้อยที่สุด
เท่าที่จะถ่ายวัตถุนั้นให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่งได้
ถ้าความไวชัดเตอร์น้อยเกินไป(ไวเกิน) ภาพจะมืด หรือถ้ามากเกินไป(นานเกิน)
ภาพจะมีเงาซ้อน ต้องกะให้พอดี แต่ถ้าเป็นวัตถุอยู่นิ่ง ให้ปรับค่า ISO ไปที่กลางๆ
ตามด้วยเปิดรูรับแสงให้มากที่สุดเช่นกัน แล้ว
ปรับความเร็วชัตเตอร์ให้มีความนานขึ้น ยิ่งนานมากเท่าไร
ภาพก็จะยิ่งสว่างมากเท่านั้น การถ่ายภาพแบบนี้ ควรพึ่งขาตั้งกล้อง
เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
ถ้าอยากให้ภาพมีความคมชัด ให้ใช้ ISO ค่อนข้างน้อย
แต่ภาพจะมืดลงตามไป วิธีแก้คือ ปรับความเร็วชัตเตอร์ให้นานขึ้นไปอีก
การถ่ายภาพเคลื่อนไหวกลางคืน ถ่ายให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็พอแล้ว
ถ้าไม่ต้องการรายละเอียด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น